ช่วงนี้กระแสความนิยมในรถยนต์ไฟฟ้า หรือ EV กำลังเป็นที่พูดถึงอย่างมากในตลาดรถยนต์ของไทย ทั้งรถมือหนึ่งและรถมือสอง ตอนนี้กลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่กำลังให้ความสนใจกับเทคโนโลยีใหม่ อย่างรถ EV ซึ่งปัจจุบันทะยอยเปิดตัวหลายโมเดล หลายยี่ห้อ ต้อนรับมหกรรมใหญ่ส่งท้ายปลายปีอย่าง Motor Expo 2023 แน่นอนว่าในขณะที่สายตาผู้บริโภคจับจ้องไปที่รถ EV เป็นหลัก ประกอบกับนโยบายภาครัฐที่วันนี้ชัดเจนแล้วว่าจะมุ่งไปสู่อุตสาหกรรมรถ EV โดยมีแผนระยะยาวที่จะผลักดันให้คนไทยหันมาใช้รถ EV ให้มากขึ้น โดยเบื้องต้นแผนนี้ปักธงเป้าหมายไปจนถึงปี 2030 หรืออีก7ปีข้างหน้า
--------------------
ผู้เขียนเองก็ยอมรับว่าตื่นเต้นกับกระแสความเปลี่ยนแปลงของโลกยานยนต์ยุคใหม่ไม่น้อย ที่เราอาจได้เกิดทันในยุคเปลี่ยนผ่านระหว่างรถยนต์สันดาปภายในซึ่งเป็นแกนหลักที่ขับเคลื่อนมวลมนุษยชาติมากว่า 150 ปี นับตั้งแต่ Bertha Benz เบอร์ธ่า เบนซ์ ได้ขับรถยนต์สันดาปคันแรกของโลกออกมาให้ชาวโลกได้รู้จักในช่วงชีวิตหนึ่งของคน หากได้อยู่ทันเห็นทั้งจุดกำเนิดและจุดสิ้นสุดในระหว่างรอยต่อของเทคโนโลยีทั้งสองยุค ก็นับว่าเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นจริงๆ ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ก็ไม่ใช่ว่ารถยนต์สันดาปภายในนั้นจะสูญพันธุ์ไปทั้งหมดนะครับ สุดท้ายแล้วแม้ว่าแกนหลักของโลกยานยนต์อาจจะเปลี่ยนไปเป็นไฟฟ้าก็จริง แต่ก็ยังคงต้องมีรถยนต์บางประเภทเช่น รถบรรทุก รถขนส่งขนาดใหญ่ ที่ยังจำเป็นต้องใช้น้ำมันอยู่ครับ เพียงแต่สัดส่วนอาจจะน้อยลงไป
-------------------
แน่นอนว่าเหรียญย่อมมีสองด้านเสมอ ในด้านหนึ่งคนไทยก็มีโอกาสได้สัมผัสกับคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ทั้งจากมลพิษในอากาศที่น้อยลง และปริมาณการบริโภคเชื้อเพลิงที่น้อยลง รวมถึงประหยัดเงินในกระเป๋ามากขึ้น จากเดิมที่จ่ายค่าน้ำมันเดือนละหลายๆพัน อาจะเหลือเพียงหลักร้อยกับค่าไฟฟ้าที่ถูกกว่าน้ำมันอย่างชัดเจน ส่วนในอีกด้านหนึ่งที่หลายคนอาจมองข้าม โดยเฉพาะภาครัฐที่ยังไม่มีการหยิบยกมาพูดถึงแผนรองรับเลย นั้นก็คือเรื่องของรถเก่า (รถยนต์ใช้แล้ว) ในขณะที่ภาครัฐมีนโยบาย มีแผนที่ชัดเจนเกี่ยวกับเรื่องการส่งเสริมการผลิต ส่งเสริมยอดขาย และส่งเสริมให้ผู้บริโภคหันมาสนใจรถEVกันมากขึ้น เพื่อเดินหน้าสู่เป้าหมายให้คนไทยใช้รถEVเป็นหลักให้ได้ภายใน 7 ปี เรากลับไม่เคยได้เห็นนโยบายใดๆเกี่ยวกับเรื่องนี้ ที่จะหยิบยกปัญหาการกำจัดซากรถเก่ามาพูดถึงแม้แต่น้อย
หรือแม้แต่การกำจัดขยะยานยนต์ เช่น ชิ้นส่วน อะไหล่ ซากรถ หรือแม้กระทั่งรถมือสองที่อายุมากจนไม่สามารถหาผู้บริโภคได้เพราะกระแสความเปลี่ยนแปลงนี้มันอาจจะเร็วเกินไป หรือ ไม่มีแผนรองรับสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต เช่น ซากรถเก่าจะไปอยู่ตรงส่วนไหนของประเทศ หากภาพสุดท้ายที่ภาครัฐอยากจะเห็น มันได้เกิดขึ้นแล้วจริงๆในอนาคต เพราะอย่าลืมว่ารถยนต์เป็นสินค้าขนาดใหญ่ ไม่เหมือนโทรศัพท์มือถือ โทรศัพท์รุ่นเก่าแบบปุ่มกด เมื่อยุคสมัยเปลี่ยน ยังหาที่โยนทิ้งได้ง่ายกว่ารถยนต์1คัน แล้วปัจจุบันเรามีตัวเลขจำนวนรถยนต์อยู่ในประเทศนี้ทั้งหมดกี่คันล่ะ??
------------------
นี่ยังไม่นับรวมถึงปัญหาด้านอื่นๆ เกี่ยวกับตัวเทคโนโลยีEVเองที่วันนี้ก็ยังไม่ได้รับการพิสูจน์ในระยะยาว เช่น ถ้าวันหนึ่งแบตเตอรี่เสื่อมสภาพแล้ว ซากแบตเตอรี่จะกลับมาเป็นปัญหาด้านมลพิษด้วยหรือไม่ การกำจัดซากแบตเตอรี่มีประสิทธิภาพเพียงใด โดยเฉพาะประเทศของเราที่ประสบปัญหาน้ำท่วมอยู่ตลอดทุกปี ในแทบจะทุกพื้นที่ การขับรถ EV ลุยน้ำบ่อยๆ จะมีความเสี่ยงแค่ไหน ที่จะทำให้แบตเตอรี่เสื่อมสภาพเร็วกว่าปกติ
และก็ยังไม่นับรวมปัญหาด้านโครงสร้างเศรษฐกิจ ที่วันนี้รัฐบาลเราดูจะเห่อกับกระแสEV จนอาจจะลืมไปว่าแกนหลักที่ยังคงขับเคลื่อนอุตสาหกรรมในประเทศยังจำเป็นต้องพึ่งพิงการลงทุนจากญี่ปุ่นเป็นหลัก ทั้งโรงงานผลิตรถยนต์ก็ดี หรือชิ้นส่วนหลักต่างๆที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์ก็ดี ล้วนยังคงมีความเชื่อมโยงกันอย่างมีนัยสำคัญ ยังคงมีแรงงานไทยจำนวนมาก ที่ยังต้องพึ่งพิงอุตสาหกรรมเหล่านี้ที่เคยร่วมลงทุนกันมายาวนานกว่า30-40ปี การที่จะมีนโยบายเอนเอียงไปทางทิศใดทิศหนึ่งมากเกินไปจะรักษาสมดุลทางเศรษฐกิจไว้ได้หรือไม่
สิ่งเหล่านี้ยังคงเป็นปัญหาที่ต้องการคำตอบ และเป็นสิ่งที่ภาครัฐควรหยิบยกขึ้นมาให้ความสำคัญด้วยเช่นกัน
---------------
3 NOV 2023